‘การออกกำลังกายแบบแอโรบิค’ หมายถึงการออกกำลังกายที่ต้องใช้ออกซิเจนมากกว่าการพัก มันเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเป็นจังหวะของกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ของร่างกาย เช่น แขน หรือขาของคุณ ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ได้แก่ การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้น พายเรือคายัค เนื่องจากร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้นในการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ทำให้เราต้องหายเร็วขึ้นลึกขึ้นเพื่อเพิ่มออกซิเจนเข้าไปในปอด หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อส่งเลือดที่ลำเลียงออกซิเจนไปสู่ปอด และไปยังกล้ามเนื้อของคุณ ส่วนหัวใจเต้นเร็วแค่ไหนและหายใจเร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการออกกำลังกายนั้นหนักแค่ไหน ถ้าออกกำลังกายเบาๆ จะทำให้การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคบ่อยแค่ไหน
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค จะช่วยให้ประโยชน์ด้านสุขภาพมากมาย เช่น ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และปอด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่มีความเข้มปานกลางทุกวันเป็นอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ผลรวมทั้งหมด 30 นาทีนี้อาจประกอบไปด้วยชุดของการออกกำลังกายที่แบ่งออกเป็นช่วงละ 10 นาที ช่วงสั้น ๆ เหล่านี้จะยังคงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และสร้างการปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย ถ้าหากต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายมากกว่านี้ อาจต้องใช้เวลามากกว่า 30 นาทีในแต่ละวัน
เพื่อรักษาระดับประโยชน์จากการออกกำลังกายแบบแอโรบิค และความได้เปรียบด้านสุขภาพที่มีอยู่ จำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นประจำ การเลิกกิจวัตรประจำวันหรือออกกำลังกายให้น้อยลงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม สิ่งสำคัญเช่นกันคือการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่สิ้นเปลืองเป็นเวลานาน เช่น นั่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ดังนั้นนอกเหนือจากการพยายามออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน เราควรพยายามเลิกพฤติกรรมที่เป็นอยู่ ด้วยการลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ที่ทำงานหรือในบ้านสักสองสามนาทีทุกชั่วโมงหรือในช่วงพักโฆษณาเมื่อดูทีวี
ควรออกกำลังกายหนักแค่ไหน
เพื่อปรับปรุงสุขภาพทางกายโดยทั่วไป ขอแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แนะนำให้การออกกำลังกายเป็นเวลาสั้นๆ ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ขอให้ทำแบบต่อเนื่องอย่างเป็นประจำ สิ่งนี้จะสร้างการปรับปรุงสมรรถภาพทางกายที่จะทำให้สามารถออกกำลังกายที่หนักขึ้นได้ในอนาคต ตามแนวทางทั่วไปการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ‘เข้มปานกลาง’ อาจทำให้เราหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังสามารถสนทนาได้ปกติ
ถ้าทำได้แบบนี้ควรรักษาระดับการออกกำลังกายนี้ไว้ได้อย่างน้อย 30 นาที ตัวอย่างเช่นเมื่อไปเดินเร็ววิ่งเหยาะๆ หรือปั่นจักรยานกับเพื่อน ถ้าต้องการที่จะแม่นยำมากขึ้นในการกำหนดความเข้มการออกกำลังกายของ ควรใช้เครื่องมือที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นแนวทาง การออกกำลังกาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ระหว่าง 55 และ 70 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด การออกกำลังกายที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ทุกคนสามารถสุขภาพดีได้จากการออกกำลังกาย ไม่มีคำว่าสายเกินไปถ้าจะเริ่ม ถ้าคุณกำลังอยากหันมาดูแลสุขภาพตัวเองให้ฟิตกว่าที่เคย หรือเป็นผู้สูงอายุที่กำลังพบกับปัญหาเรื่องสุขภาพต่างๆ การออกกำลังกายแบบแอโรบิคอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ การจะประสบความสำเร็จได้คือความอดทนและไม่ถอดใจยอมแพ้ไปก่อน สิ่งสำคัญคือของการออกกำลังกายทุกรูปแบบที่ต้องจำเอาไว้คือ การทำอย่างสม่ำเสมอ