ทุกคนเหงื่อออกเมื่อเรารู้สึกร้อนเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้ที่มีอาการ ไฮเปอร์ไฮโดรซิส (hyperhidrosis) จะมีเหงื่อออกมากจนถึงจุดที่ความชุ่มชื้นอาจหยดลงมาจากมือของพวกเขา ไฮเปอร์ไฮโดรซิสเป็นสาเหตุของที่ทำให้เหงื่อไหลออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ โดยปกติต่อมเหงื่อของคุณจะขับเหงื่อออกมา เมื่ออุณหภูมิอากาศสูงขึ้นจนร่างกายรู้สึกร้อน หรือในเวลาที่คุณเป็นไข้ ยามที่คุณออกกำลังกาย รู้สึกวิตกกังวล และความภาวะเครียด เมื่อปัจจัยเหล่านั้นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เส้นประสาทที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้เหงื่อไหลจะหยุดทำงาน
ปัจจุบันนี้มีจำนวนประชากรประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นอาการของไฮเปอร์โฮโดรซิส อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าผู้ที่มีอาการเหล่านี้ จะมีเหงื่อไหลไม่หยุด แม้ว่าจะนั่งตากแอร์ดูทีวี หรือกระทั่งว่ายน้ำในสระก็มีเหงื่อไหลได้เช่นกัน สาเหตุของการเกิดเหงื่อออกมากขึ้นอยู่กับชนิดของเหงื่อ ส่วนใหญ่หากมีอาการเหงื่อออกมากกว่าปกติมักจะไม่เป็นอันตราย ในบางกรณีแพทย์ไม่รู้ว่าทำไมคนถึงเหงื่อออกมากเกินไป ในกรณีอื่นๆ อาจเกิดขึ้นจากภาวะเลือดเป็นพิษอาจ ซึ่งเป็นอาการที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม
ไฮเปอร์ไฮโดรซิสคืออะไรกันแน่
ภาวะเหงื่ออกมากผิดปกติ หรือ “ไฮเปอร์ไฮโดรซิส” มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 2 ประเภท คือ
1.ภาวะเหงื่อออกมากแบบปฐมภูมิ ( Primary hyperhidrosis ) หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า “โฟคัลไฮโดรซิส” ( focal hyperhidrosis ) คือ “ภาวะหลั่งเหงื่อมากเฉพาะจุด” ทำให้เหงื่อออกมากเกินไปในบริเวณฝ่ามือ ใต้วงแขน ใบหน้า และเท้าโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเกิดความร้อน เมื่อเราเคลื่อนไหวหรือรอความรู้สึกทางอารมณ์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ถ้าหากคนเรามีปุ่มปิดเปิดต่อมขับเหงื่อ คนที่ประสบปัญหานี้คงจะมีปุ่มค้างไว้อยู่ที่เปิดตลอดเวลา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเหงื่อที่มาจาก Eccrine Sweat Glands เป็นต่อมเหงื่อที่มีอยู่ทั่วร่างกายประมาณ 2-4 ล้านจุด
2.ภาวะเหงื่อออกมากแบบทุติยภูมิ ( Secondary hyperhidrosis ) “เนอร์รัลไรซ์ไฮโดรซิส” ( generalized hyperhidrosis ) คือ “ภาวะเหงื่อออกมากทั้งตัว” ทำให้เหงื่อออกมากเกินไปทั่วร่างกาย หรือในพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกาย อาจเกิดจากความร้อนมากเกินไปเช่นเดียวกับความผิดปกติของร่างกาย หรือจากการใช้ยาบางชนิด เป็นอาการที่แตกต่างจากภาวะเหงื่อออกมากแบบปฐมภูมิ เพราะเป็นอาการที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย โดยเฉพาะฝ่ามือ ใบหน้า เท้า แถมมันยังไม่หยุดไหลแม้ว่าคุณจะนอนหลับ สาเหตุโดยมากมักจะมาจากโรคประจำตัวอย่างเช่น โรคเบาหวาน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ โรคพาร์กินสัน โรคอ้วน โรคไขข้ออักเสบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคเกาต์
